ทั่วโลกตั้งคำถาม
3 วิธี พลิกวิกฤติเป็นโอกาส ของเกาหลีใต้คือ ?
แชร์
วันที่เขียน : 2020-04-03ค้นหา : 1,350รีวิว : 0
ทั่วโลกตั้งคำถาม "ความลับของการ 'เอาชนะวิกฤต' ของเกาหลีคืออะไรนะ?"
ณ ตอนนี้ ขณะที่โควิด-19 กำลังทำทั่วโลกปั่นป่วนไปหมด
แต่สถานการณ์ในเกาหลีกลับเริ่มคลี่คลายขึ้น
ไม่มีความวุ่นวาย, ไม่มีการเหยียดเชื้อชาติ, ไม่มีความโกลาหลจากการกักตุนสินค้า
ในทางตรงกันข้าม กลับเต็มไปด้วยความสามัคคีและประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจ
ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมีจิตสำนึกต่อสังคม
แต่สถานการณ์ในเกาหลีกลับเริ่มคลี่คลายขึ้น
ไม่มีความวุ่นวาย, ไม่มีการเหยียดเชื้อชาติ, ไม่มีความโกลาหลจากการกักตุนสินค้า
ในทางตรงกันข้าม กลับเต็มไปด้วยความสามัคคีและประชาชนที่ร่วมมือร่วมใจ
ปฏิบัติตามกฎระเบียบและมีจิตสำนึกต่อสังคม
ประเทศเกาหลีที่ ณ เวลานี้ กำลังแสดงให้ผู้คนทั่วโลกเห็นถึง
"จุดสูงสุดของความเป็นประชาธิปไตย"
แต่รู้หรือไม่ว่า เกาหลีใต้นั้น ในอดีตเคยเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วย
"การต่อสู้แย่งชิงอำนาจ", "การล่าอาณานิคม" ,
"สงครามกลางเมือง" , "การปกครองด้วยทหาร" การที่คนเกาหลีจะผ่านปรวัติศาสตร์
อันเลวร้ายเหล่านั้นมาได้ จะต้องมี DNA เลือดนักสู้แค่ไหนกันนะ ?
วันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราว ‘การเอาชนะวิกฤต’
ซึ่งเป็นงานอดิเรกของชาวเกาหลีเลยก็ว่าได้ให้ฟังกันค่ะ
กับญี่ปุ่นและเป็นจุดยุทธศาสตร์ภาคพื้นทวีประหว่างจีนและรัสเซีย
ด้วยลักษณะรัฐคาบสมุทร ทำให้เกาหลีกลายเป็นประเทศที่ตกอยู่ภาย
ใต้การแก่งแย่งชิงอำนาจของนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง
"เดิมทีสงครามการรุกรานของจีนบนคาบสมุทร
เกาหลีนั้นมีมาตั้งแต่ 108 ปีก่อนคริสตกาล โดยเริ่มจากการเข้ายึดครองอาณาจักร
เริ่มแรกของเกาหลีใต้ที่เรียกว่า 'โคโชซอน (고조선)'
และได้ทำการรบรากับอาณาจักรเกาหลีอยู่บ่อยครั้ง
หากลองคำนวณคร่าวๆ เกาหลีใต้รบรากับการรุกรานของจีน 2 ครั้งในราชวงศ์โชซอน
1 ครั้งในช่วงปลายรัชสมัยซิลลา 30 ครั้งในโกกุรยอ
1 ครั้งในแบกเจ, 1 ครั้งในโคโชซอนและ 10 ครั้งสำหรับการรุกรานนกรัง
(หนึ่งมณฑลในฮันซา) รวมทั้งหมดถึง 45 ครั้ง
และไม่ใช่เพียงจีนเท่านั้น แต่ประชาชนชาวเกาหลีต้องพบกับ
ความเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วนจากการล่าอาณานิคมของอาณาจักรอื่น
อย่างไรก็ตาม เพื่อปกป้องประเทศ
บรรพบุรุษชาวเกาหลีได้ต่อสู้ในแนวหน้าด้วยยุทธวิธีและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม
จนนำพาประเทศผ่านพ้นวิฤตมาได้
กับการตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของญี่ปุ่น
ตั้งแต่ปี 1910 ขบวนการกู้ชาติถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี 1894 ในนามของ
'Gabo Righteous Army'
(ขบวนการกู้ชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่อันดง หลังจากการรุกราน
พระราชวังคยองบกกุงของญี่ปุ่นเมื่อปี 1894)
และคงอยู่จนถึงวันที่เกาหลีใต้ได้รับอิสรภาพ
ในช่วงเวลานั้น มีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้น
แต่เหตุการณ์ที่สำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็คือ<เหตุการณ์ 3.1
เหตุการณ์ 3.1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคมปี 1919
วันที่คนเกาหลีลุกฮือต่อต้านระบอบการปกครอง
โดยญี่ปุ่นและประกาศอิสรภาพของเกาหลีไปทั่วโลก
เหตุการณ์เริ่มขึ้นตอนเช้าตรู่
มีกลุ่มนักเรียนและประชาชนตัวแทนทำใบปลิวประกาศอิสรภาพ
แจกทั่วเมืองและมารวมตัวกันที่สวนสวนธารณะทับโกล (탑골공원)
โดยมีประชาชนตัวแทน 33 ท่าน ขึ้นอ่านคำประกาศอิสรภาพ
อย่างเป็นทางการหน้าแทฮวากวาน (태화관 )
"หลังจากอ่านคำประกาศอิสรภาพเสร็จสิ้น
ฝูงชนก็หลั่งไหลกันไปยังโบชินกักเพื่อเดินขบวนขับไล่ญี่ปุ่น
ถนนหลายสายเต็มไปด้วยผู้ประท้วงเดินขบวนไปตามถนน
พร้อมตะโกนว่า "อิสรภาพ" อย่างกึกก้องใจกลางกรุงโซล
ผู้คนต่างปักหลักเดินขบวนโดยไม่ย่อท้อจนกว่าจะได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง
เหตุการณ์ครั้งนี้ พัฒนาไปสู่ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติ
โดยได้รับความรวมมือจากทุกสาขาอาชีพและมีความแข็งแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งกระแสไปถึงขบวนการปลดแอกทั่วโลก
เช่น จีน รัสเซีย อเมริกาและยุโรป
ขบวนการกู้ชาติเกาหลี จึงดำเนินไปด้วยเหตุฉะนี้
จนกระทั่งญี่ปุ่นยอมถอย ทำให้กาหลีเป็นอิสระจากญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1945
เกาหลีได้จัดตั้งรัฐบาลเป็นของตนเองในวันที่ 15 สิงหาคม 1948
ชาวเกาหลีต้องสูญเสียเลือดเนื้อมากมาย
เพื่อให้ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้
ครั้งไหนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ก็น่าจะเป็นการฟื้นฟูประเทศในปี 1997
ปีที่รัฐบาลมือใหม่อยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องจาก
ไม่สามารถรับมือกับการถอนตัวของต่างชาติ
ที่หลั่งไหลออกราวกับน้ำจากอ่างที่มีรู้รั่ว
รัฐบาลเกาหลีจึงได้ยื่นขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF
และกลายเป็นประเทศที่มีหนี้สินถึง 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เวลานั้น
แต่เกาหลีก็สามารถปลดหนี้ได้ภายใน 3 ปี 8 เดือน,
ในปี 2001 ประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นประเทศที่ปลอดหนี้โดยสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ เกาหลีจึงขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลดหนี้ IMF ได้ในเวลาอันสั้น
ในเวลานั้นประชาชนชาวเกาหลีทุกคนพร้อม
ใจกันระดมทรัพย์สมบัติที่ตนเองเก็บสะสมไว้มาช่วยปลดหนี้ให้ชาติ
โดยมีคำกล่าวที่ว่า "นำทองที่ท่านเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า มาช่วยชาติกันเถอะ"
เป็นวลีปลุกใจ ท่ามกลางวิกฤติการเงินโลก
เกาหลีก็กลายเป็น "ประเทศพัฒนา" โดยการก้าวขึ้นเป็นประเทศในกลุ่ม G20 ในปี 2008
ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ของเกาหลีใต้
เกาหลีที่มีโอกาสได้พัฒนาซ้ำแล้วซ่ำเล่า
ประเทศที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ทุกครั้ง
ความเป็นชาติพันธุ์ (DNA) นี้เกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีที่ลำหน้า,
หัวใจอันอบอุ่นและความหวัง!
สมบัติล้ำค่าของช่วเกาหลีซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน
ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินทองได้
"จุดสูงสุดของความเป็นประชาธิปไตย"
แต่รู้หรือไม่ว่า เกาหลีใต้นั้น ในอดีตเคยเป็นดินแดนที่เต็มไปด้วย
"การต่อสู้แย่งชิงอำนาจ", "การล่าอาณานิคม" ,
"สงครามกลางเมือง" , "การปกครองด้วยทหาร" การที่คนเกาหลีจะผ่านปรวัติศาสตร์
อันเลวร้ายเหล่านั้นมาได้ จะต้องมี DNA เลือดนักสู้แค่ไหนกันนะ ?
วันนี้เราจะมาบอกเล่าเรื่องราว ‘การเอาชนะวิกฤต’
ซึ่งเป็นงานอดิเรกของชาวเกาหลีเลยก็ว่าได้ให้ฟังกันค่ะ
1. ประเทศชาติที่อยู่ภายใต้การครอบครอง
โดยประเทศมหาอำนาจมากว่า 5,000 ปี
เกาหลีเป็นจุดยุทธศาสตร์ทางทะเลในการยึดอำนาจระหว่างสหรัฐอเมริกาโดยประเทศมหาอำนาจมากว่า 5,000 ปี
กับญี่ปุ่นและเป็นจุดยุทธศาสตร์ภาคพื้นทวีประหว่างจีนและรัสเซีย
ด้วยลักษณะรัฐคาบสมุทร ทำให้เกาหลีกลายเป็นประเทศที่ตกอยู่ภาย
ใต้การแก่งแย่งชิงอำนาจของนานาประเทศอย่างต่อเนื่อง
"เดิมทีสงครามการรุกรานของจีนบนคาบสมุทร
เกาหลีนั้นมีมาตั้งแต่ 108 ปีก่อนคริสตกาล โดยเริ่มจากการเข้ายึดครองอาณาจักร
เริ่มแรกของเกาหลีใต้ที่เรียกว่า 'โคโชซอน (고조선)'
และได้ทำการรบรากับอาณาจักรเกาหลีอยู่บ่อยครั้ง
หากลองคำนวณคร่าวๆ เกาหลีใต้รบรากับการรุกรานของจีน 2 ครั้งในราชวงศ์โชซอน
1 ครั้งในช่วงปลายรัชสมัยซิลลา 30 ครั้งในโกกุรยอ
1 ครั้งในแบกเจ, 1 ครั้งในโคโชซอนและ 10 ครั้งสำหรับการรุกรานนกรัง
(หนึ่งมณฑลในฮันซา) รวมทั้งหมดถึง 45 ครั้ง
และไม่ใช่เพียงจีนเท่านั้น แต่ประชาชนชาวเกาหลีต้องพบกับ
ความเจ็บปวดนับครั้งไม่ถ้วนจากการล่าอาณานิคมของอาณาจักรอื่น
อย่างไรก็ตาม เพื่อปกป้องประเทศ
บรรพบุรุษชาวเกาหลีได้ต่อสู้ในแนวหน้าด้วยยุทธวิธีและกลยุทธ์ที่ยอดเยี่ยม
จนนำพาประเทศผ่านพ้นวิฤตมาได้
"2. ขบวนการกู้ชาติ ต่อต่านการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ "
เป็นเวลากว่า 35 ปี ที่เกาหลีใต้นั้นต้องเจ็บปวดกับการตกอยู่ภายใต้อำนาจการปกครองของญี่ปุ่น
ตั้งแต่ปี 1910 ขบวนการกู้ชาติถูกก่อตั้งขึ้นตั้งแต่ ปี 1894 ในนามของ
'Gabo Righteous Army'
(ขบวนการกู้ชาติที่เกิดขึ้นในพื้นที่อันดง หลังจากการรุกราน
พระราชวังคยองบกกุงของญี่ปุ่นเมื่อปี 1894)
และคงอยู่จนถึงวันที่เกาหลีใต้ได้รับอิสรภาพ
ในช่วงเวลานั้น มีหลายๆ เหตุการณ์เกิดขึ้น
แต่เหตุการณ์ที่สำคัญที่ถูกบันทึกไว้ในประวัติศาสตร์ก็คือ<เหตุการณ์ 3.1
เหตุการณ์ 3.1 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 1 มีนาคมปี 1919
วันที่คนเกาหลีลุกฮือต่อต้านระบอบการปกครอง
โดยญี่ปุ่นและประกาศอิสรภาพของเกาหลีไปทั่วโลก
เหตุการณ์เริ่มขึ้นตอนเช้าตรู่
มีกลุ่มนักเรียนและประชาชนตัวแทนทำใบปลิวประกาศอิสรภาพ
แจกทั่วเมืองและมารวมตัวกันที่สวนสวนธารณะทับโกล (탑골공원)
โดยมีประชาชนตัวแทน 33 ท่าน ขึ้นอ่านคำประกาศอิสรภาพ
อย่างเป็นทางการหน้าแทฮวากวาน (태화관 )
ฝูงชนก็หลั่งไหลกันไปยังโบชินกักเพื่อเดินขบวนขับไล่ญี่ปุ่น
ถนนหลายสายเต็มไปด้วยผู้ประท้วงเดินขบวนไปตามถนน
พร้อมตะโกนว่า "อิสรภาพ" อย่างกึกก้องใจกลางกรุงโซล
ผู้คนต่างปักหลักเดินขบวนโดยไม่ย่อท้อจนกว่าจะได้รับอิสรภาพอย่างแท้จริง
เหตุการณ์ครั้งนี้ พัฒนาไปสู่ขบวนการปลดปล่อยแห่งชาติ
โดยได้รับความรวมมือจากทุกสาขาอาชีพและมีความแข็งแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ
ส่งกระแสไปถึงขบวนการปลดแอกทั่วโลก
เช่น จีน รัสเซีย อเมริกาและยุโรป
ขบวนการกู้ชาติเกาหลี จึงดำเนินไปด้วยเหตุฉะนี้
จนกระทั่งญี่ปุ่นยอมถอย ทำให้กาหลีเป็นอิสระจากญี่ปุ่นเมื่อวันที่ 15 สิงหาคม 1945
เกาหลีได้จัดตั้งรัฐบาลเป็นของตนเองในวันที่ 15 สิงหาคม 1948
ชาวเกาหลีต้องสูญเสียเลือดเนื้อมากมาย
เพื่อให้ผ่านเหตุการณ์เหล่านี้มาได้
3. ประเทศที่เศรษฐกิจย่ำแย่ที่สุด
ประเทศเดียวที่สามารถยกระดับตัวเอง
สู่กลุ่มประเทศ G20
นอกจากสงครามเกาหลี 6.25 หากถามว่าการเอาชนะวิกฤตของเกาหลีใต้ประเทศเดียวที่สามารถยกระดับตัวเอง
สู่กลุ่มประเทศ G20
ครั้งไหนที่ยิ่งใหญ่ที่สุด
ก็น่าจะเป็นการฟื้นฟูประเทศในปี 1997
ปีที่รัฐบาลมือใหม่อยู่ในภาวะวิกฤติ เนื่องจาก
ไม่สามารถรับมือกับการถอนตัวของต่างชาติ
ที่หลั่งไหลออกราวกับน้ำจากอ่างที่มีรู้รั่ว
รัฐบาลเกาหลีจึงได้ยื่นขอความช่วยเหลือทางการเงินจาก IMF
และกลายเป็นประเทศที่มีหนี้สินถึง 19.5 พันล้านเหรียญสหรัฐ ณ เวลานั้น
แต่เกาหลีก็สามารถปลดหนี้ได้ภายใน 3 ปี 8 เดือน,
ในปี 2001 ประเทศเกาหลีใต้ กลายเป็นประเทศที่ปลอดหนี้โดยสมบูรณ์
ด้วยเหตุนี้ เกาหลีจึงขึ้นชื่อว่าเป็นประเทศที่ปลดหนี้ IMF ได้ในเวลาอันสั้น
ในเวลานั้นประชาชนชาวเกาหลีทุกคนพร้อม
ใจกันระดมทรัพย์สมบัติที่ตนเองเก็บสะสมไว้มาช่วยปลดหนี้ให้ชาติ
โดยมีคำกล่าวที่ว่า "นำทองที่ท่านเก็บไว้ในตู้เสื้อผ้า มาช่วยชาติกันเถอะ"
เป็นวลีปลุกใจ ท่ามกลางวิกฤติการเงินโลก
เกาหลีก็กลายเป็น "ประเทศพัฒนา" โดยการก้าวขึ้นเป็นประเทศในกลุ่ม G20 ในปี 2008
อาจกล่าวได้ว่า เกาหลีใต้เองเป็น'ประเทศที่ไม่เคยละทิ้งประชาชนในชาติ'
และ 'ประชาชนในชาติก็ไม่เคยละทิ้งประเทศ' เช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติ
ความร่วมมือและความเสียสละ จะทำให้เราเอาชนะวิฤตไปได้
จิตวิญญาณนี้ ถูกฝังอยู่ใน DNA ของชาวเกาหลีใต้จนถึงปัจจุบัน
และจิตวิญญาณนี้ จะเป็นตัวนำพาประวัติศาสตร์หน้าใหม่
มาให้แก่ประเทศเกาหลีใต้ได้เสมอ
จากประเทศที่แร้งแค้นหลังสงคราม
กลายเป็นประเทศ ที่นานาปประเทศทั่วโลกกำลังไล่ตาม
และ 'ประชาชนในชาติก็ไม่เคยละทิ้งประเทศ' เช่นกัน เมื่อใดก็ตามที่ประเทศตกอยู่ในภาวะวิกฤติ
ความร่วมมือและความเสียสละ จะทำให้เราเอาชนะวิฤตไปได้
จิตวิญญาณนี้ ถูกฝังอยู่ใน DNA ของชาวเกาหลีใต้จนถึงปัจจุบัน
และจิตวิญญาณนี้ จะเป็นตัวนำพาประวัติศาสตร์หน้าใหม่
มาให้แก่ประเทศเกาหลีใต้ได้เสมอ
จากประเทศที่แร้งแค้นหลังสงคราม
กลายเป็นประเทศ ที่นานาปประเทศทั่วโลกกำลังไล่ตาม
ความสามารถในการรับมือกับวิกฤตการณ์ของเกาหลีใต้
เกาหลีที่มีโอกาสได้พัฒนาซ้ำแล้วซ่ำเล่า
ประเทศที่สามารถพลิกวิกฤตให้เป็นโอกาสได้ทุกครั้ง
ความเป็นชาติพันธุ์ (DNA) นี้เกิดขึ้นได้ด้วยเทคโนโลยีที่ลำหน้า,
หัวใจอันอบอุ่นและความหวัง!
สมบัติล้ำค่าของช่วเกาหลีซึ่งสั่งสมมาเป็นเวลานาน
ไม่สามารถตีค่าเป็นเงินทองได้
คะแนน
5
/ 5คะแนน
แนะนำ
มีผู้แสดงความคิดเห็น
คน!
| ชอบมาก() l ชอบ() l ทั่วไป() l เฉยๆ () l ไม่ค่อยชอบ () |
|---|
