2. ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวม

ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่บริษัทเก็บรวบรวมเพื่อให้บริการทัวร์และวัตถุประสงค์ของการเก็บ รวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลมีดังต่อไปนี้

1. การระบุสมาชิกและการประกันภัยให้กับนักท่องเที่ยวในระหว่างการจอง: ชื่อ ที่อยู่ และรูปภาพ (โปรไฟล์)
2. การยืนยันรายละเอียดการจองและการเสนอให้คำปรึกษา: หมายเลขหนังสือเดินทาง หมายเลขโทรศัพท์ ที่อยู่อีเมล หมายเลขโทรศัพท์มือถือ และข้อมูลติดต่ออื่นๆ

3. ระยะเวลาการใช้และการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคล

ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าบริษัทจะถูกจัดเก็บและใช้งานตามระยะเวลาที่บริษัทให้บริการแก่ลูกค้า เท่านั้น อย่างไรก็ดี บริษัทอาจเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าไว้ระยะเวลาหนึ่ง เพื่อยืนยัน สิทธิ์และภาระผูกพันที่เกี่ยวข้องกับธุรกรรมต่อไปนี้ตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง เช่น กฎหมายพาณิชย์ ซึ่งในกรณีนี้การเข้าถึงและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรักษาไว้จะมีการจำกัด ตามเหตุอันควรที่เกี่ยวข้อง และวัตถุประสงค์ของการเก็บรักษาดังกล่าวรวมถึงระยะเวลาและ ประเภทข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเก็บรักษาต้องมีการกำหนดไว้ล่วงหน้า

1. บันทึกสัญญา หรือการยกเลิกการสมัครสมาชิก ฯลฯ: ห้า (5) ปี
2. บันทึกการชำระเงิน และการจัดหาสินค้า ฯลฯ: ห้า (5) ปี
3. บันทึกการจัดการข้อร้องเรียนและข้อพิพาทของลูกค้า: สาม (3) ปี
4. สำหรับสมาชิกที่สัญญาการใช้บริการยังคงมีผลบังคับใช้ตามข้อตกลงการให้บริการ (กล่าวคือ ผู้ใช้ที่ยังมีสถานะเป็นสมาชิก) อาจมีการขยายระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลเกินกว่า ระยะเวลาการเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลที่บังคับ และบันทึกที่พ้นระยะเวลาการเก็บรักษาจะถูกทำลายเมื่อลูกค้ายินยอมหรือร้องขอให้เพิกถอน
5. บริษัทจะทำลายข้อมูลส่วนบุคคลด้วยวิธีการต่อไปนี้
   - ไฟล์อิเล็กทรอนิกส์: การลบไฟล์และการฟอร์แมตดิสก์
   - เอกสารกระดาษ: การฉีกทำลายหรือการเผาให้เป็นเถ้าถ่าน

4. นโยบายการให้และการแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคล

1. บริษัทจะใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าภายในขอบเขตที่ระบุไว้ในส่วน “วัตถุประสงค์ของ การเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล” ของข้อตกลงการใช้บริการ และในนโยบายการ จัดการข้อมูลส่วนบุคคลหรือตามที่ระบุไว้ในข้อตกลงการใช้บริการเท่านั้น บริษัทจะไม่ใช้ข้อมูล ส่วนบุคคลนอกเหนือขอบเขตที่ระบุไว้หรือมอบให้กับบุคคลภายนอก
2. อย่างไรก็ดี มีข้อยกเว้นในกรณีต่อไปนี้ซึ่งบริษัทอาจใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าและมอบให้กับบุคคล ภายนอกด้วยความระมัดระวัง
   1. มีการร้องขอข้อมูลส่วนบุคคลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการ สืบสวนสอบสวนตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง
   2. การมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้กับผู้โฆษณา (คู่ค้า) และหน่วยงานวิจัย ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์ เพื่อดำเนินการวิจัยด้านการศึกษาเชิงสถิติและการสำรวจตลาด ซึ่งในกรณีนี้จะมีการมอบข้อมูล ส่วนบุคคลในลักษณะที่ไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลใดๆ ได้
   3. มีการร้องขอให้เผยแพร่ข้อมูลตามระเบียบที่กำหนดขึ้นตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้อง อื่นๆ
   4. มีการร้องขอให้เผยแพร่ข้อมูลโดยหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับผลิตภัณฑ์สำคัญซึ่งรับรองโดย กระทรวงวัฒนธรรม กีฬา และการท่องเที่ยวของเกาหลี (Ministry of Culture, Sports and Tourism - MCST)
   5. มีความจำเป็นต้องเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อจัดการบัญชีที่สอดคล้องกับการให้บริการ
   6. มีการละเมิดข้อตกลงการให้บริการหรือกฏการปฏิบัติงานของบริษัทตามที่ประกาศไว้บน เว็บไซต์
   7. มีหลักฐานเพียงพอให้บริษัทเชื่อได้ว่าควรมีการมอบข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อให้มีการดำเนิน การตามกฎหมายต่อการใช้บริการ aakcast ของบริษัทโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อก่อให้เกิด ความเจ็บปวดทางจิตใจ/อารมณ์และ/หรือความเสียหายต่อทรัพย์สินของบุคคลอื่น และ
   8. บริษัทอาจส่งข้อมูลส่วนบุคคลให้กับบริษัทผู้ให้บริการภายนอกที่ให้บริการประชาสัมพันธ์ แคมเปญ และการประกวดชิงรางวัล (กิจกรรมและโครงการแสดงสินค้าต่างๆ) ฯลฯ ซึ่งในกรณีนี้ บริษัทได้รับความยินยอมจากลูกค้าล่วงหน้าโดยแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับประเภทของข้อมูล ที่จำเป็น วัตถุประสงค์และระยะเวลาการใช้ข้อมูล ฯลฯ
3. แม้ว่าจะมีข้อยกเว้นเหล่านี้ แต่บริษัทกำหนดให้มีกฎเกณฑ์ในการแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับ การให้ข้อมูลส่วนบุคคลตามกฎหมายและข้อบังคับที่เกี่ยวข้องหรือตามคำร้องขอของหน่วยงาน สืบสวนสอบสวน เว้นแต่จะมีมูลเหตุอันอ้างกฎหมายได้ให้บริษัทละเว้นการแจ้งเตือนดังกล่าว ที่ขัดต่อหลักการของบริษัท บริษัทยังคงยึดมั่นที่จะดำเนินการอย่างเต็มที่ที่จะทำให้ข้อมูลส่วน บุคคลของลูกค้าได้รับการปกป้อง ไม่ถูกเผยแพร่ด้วยความประมาทเลินเล่อที่จะขัดกับวัตถุประสงค์ เดิมในการเก็บรวบรวมและการใช้ข้อมูลส่วนบุคคล
4. อาจมีการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าในลักษณะต่อไปนี้ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับบริการจัดโปรแกรมทัวร์ตามความต้องการและ การเสนอให้คำปรึกษาแบบกำหนดเอง
   1. การให้บริการแบบกำหนดเองในรูปแบบต่างๆ สำหรับผู้ที่เคยใช้บริการทัวร์และบริการที่ เกี่ยวข้องกับทัวร์ของบริษัทเท่านั้น โดยที่ลูกค้าได้ให้ความยินยอมแก่บริษัทในการให้และการแบ่ง ปันข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อการประชาสัมพันธ์และการแจ้งให้ลูกค้าทราบเกี่ยวกับ โปรแกรมทัวร์หรือบริการอื่นๆ ที่ปรับแต่งตามความต้องการของผู้ใช้ และ
   2. บริษัทอาจแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลของผู้ใช้เพื่อพัฒนาเทคโนโลยีใหม่หรือเสนอบริการที่ดี ยิ่งขึ้น ซึ่งในกรณีนี้ ก่อนการเก็บรวบรวมข้อมูลหรือการเสนอบริการบริษัทจะยังคงแจ้งให้ลูกค้า ทราบเกี่ยวกับหน่วยงานหรือองค์กรที่จะแบ่งปันข้อมูล ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเผยแพร่ และวัตถุประสงค์ของการเผยแพร่ และระยะเวลาและวิธีการเก็บรักษา การปกป้อง และการจัดการ ข้อมูล และจะต้องได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ หากไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ใช้ บริษัทจะใช้ ดุลยพินิจที่จะไม่เก็บรวบรวมหรือแบ่งปันข้อมูลส่วนบุคคลใดๆ เพิ่มเติม
5. การเป็นพันธมิตร: บริษัทอาจมอบข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้กับคู่ค้าหรือแบ่งปันข้อมูลกับ คู่ค้าโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อเสนอบริการที่ดียิ่งขึ้นให้กับลูกค้า ก่อนการให้หรือแบ่งปันข้อมูล ส่วนบุคคล บริษัทจะแจ้งลูกค้าที่เกี่ยวข้องแต่ละรายเป็นลายลักษณ์อักษรหรือทางอีเมล ฯลฯ ให้ทราบเกี่ยวกับข้อมูลที่ระบุตัวตนของคู่ค้า ประเภทของข้อมูลส่วนบุคคลที่จะเผยแพร่หรือแบ่งปัน เหตุผลในการมอบ/การแบ่งปันข้อมูล และระยะเวลาและวิธีการในการปกป้องและจัดการข้อมูล รวมถึงได้รับความยินยอมจากลูกค้า หากลูกค้าไม่ให้ความยินยอม จะไม่มีการส่งหรือแบ่งปัน ข้อมูลกับคู่ค้า หากมีการเปลี่ยนแปลงหรือยุติการเป็นพันธมิตรกับคู่ค้า จะมีการใช้ระเบียบเดียวกัน ในการแจ้งและการได้รับความยินยอม ปัจจุบันบริษัทส่งข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าให้กับบุคคล ต่อไปนี้

<สมาชิกรายบุคคล>

<ผู้นำทัวร์ (สมาชิก)>

※ ต่อไปนี้เป็นกรณียกเว้นที่สามารถมอบ/เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้าได้โดย ไม่ต้องได้รับความยินยอม
- หน่วยงานที่เกี่ยวข้องร้องขอให้เผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการ สืบสวนตามกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา กฎหมายการทำธุรกรรมทางการเงินด้วยชื่อจริงและ การรักษาข้อมูลความลับ กฎหมายการใช้และการปกป้องข้อมูลเครดิต และกฎหมายและ ข้อบังคับที่เกี่ยวข้องอื่นๆ และ
- การมอบข้อมูลส่วนบุคคลให้กับหน่วยงานวิจัย ฯลฯ โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อดำเนินการวิจัย ด้านการศึกษาเชิงสถิติและการสำรวจตลาด ซึ่งในกรณีนี้จะมีการเผยแพร่ข้อมูลส่วนบุคคลในลักษณะที่ไม่สามารถระบุตัวตนของบุคคลใดๆ ได้

5. การจัดหาผู้ให้บริการภายนอกเพื่อจัดการข้อมูลส่วนบุคคล

1. เพื่อให้แน่ใจว่าจะมีการจัดการงานที่เกี่ยวข้องกับข้อมูลส่วนบุคคลได้สำเร็จ บริษัทจะจัดหาผู้ให้ บริการภายนอกในการดำเนินงานดังนี้

1. เมื่อมีการทำข้อตกลงการใช้บริการจากผู้ให้บริการภายนอกกับผู้รับงาน บริษัทจะระบุไว้ใน เอกสารอย่างชัดเจนว่าห้ามมิให้มีการจัดการข้อมูลส่วนบุคคลโดยมีวัตถุประสงค์อื่นนอกเหนือจาก งานที่ว่าจ้างให้ดำเนินการ นอกจากการแก้ไขปัญหาต่างๆ เช่น การจำกัดการรับจ้างช่วงของ ผู้รับงาน การจัดการและการควบคุมดูแลผู้รับงาน และความรับผิดชอบตามสัญญาซึ่งเป็นไปตาม ข้อ 26 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคล ด้วยเหตุนี้บริษัทจะควบคุมดูแลว่าผู้รับงาน จัดการข้อมูลส่วนบุคคลด้วยความปลอดภัยหรือไม่

6. มาตรการรักษาความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคล

บริษัทใช้มาตรการต่อไปนี้ในการตรวจสอบความปลอดภัยของข้อมูลส่วนบุคคลของลูกค้า

1. 1) มาตรการด้านการบริหาร: กำหนดและดำเนินการตามแผนการควบคุมภายในและ จัดอบรมให้กับเจ้าหน้าที่ และพนักงาน ฯลฯ เป็นระยะๆ
2. 2) มาตรการทางเทคนิค: ควบคุมสิทธิ์การเข้าถึงซึ่งรวมถึงการกำหนดรหัสผ่าน สำหรับระบบการประมวลผลข้อมูลส่วนบุคคล (หรือสำหรับคอมพิวเตอร์ที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล) การติดตั้งโปรแกรมรักษาความปลอดภัย (โปรแกรมป้องกันไวรัส S/W ฯลฯ) และการเข้ารหัสไฟล์ที่จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล
3. 3) มาตรการทางกายภาพ: ล็อกสถานที่ที่บันทึก/จัดเก็บข้อมูลส่วนบุคคล และควบคุมการเข้าถึง ฯลฯ

7. สิทธิ์ของผู้ใช้และผู้แทนโดยชอบธรรม และการใช้สิทธิ์

ผู้ใช้และผู้แทนโดยชอบธรรมอาจใช้สิทธิ์ที่เกี่ยวข้องกับการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัทเมื่อใดก็ได้ตามที่ระบุไว้ในกรณีต่อไปนี้

1. 1) คำร้องขอเข้าถึงข้อมูลส่วนบุคคล (การดูแหล่งที่มาของข้อมูลส่วนบุคคลที่เก็บรวบรวมจาก บุคคลที่ร้องขอและจากผู้อื่น วัตถุประสงค์ของการจัดการข้อมูล และรายละเอียดเกี่ยวกับวิธี การใช้ข้อมูล)
2. 2) คำร้องขอแก้ไขข้อผิดพลาด ฯลฯ ตามความเหมาะสม
3. 3) คำร้องขอให้ลบข้อมูลส่วนบุคคล และ
4. 4) คำร้องขอให้ยุติการจัดการข้อมูลส่วนบุคคล บุคคลที่เกี่ยวข้องและผู้แทนโดยชอบธรรมอาจ

ใช้สิทธิ์กับบริษัทตามที่ระบุไว้ด้านบนเป็นลายลักษณ์อักษร ทางโทรศัพท์ อีเมล แฟกซ์ ฯลฯ ซึ่งบริษัทจะตอบกลับโดยไม่ล่าช้า

8. การติดตั้ง/การทำงานของระบบการเก็บรวบรวมข้อมูลส่วนบุคคลอัตโนมัติ และการปฏิเสธการดำเนินการด้งกล่าว

1. ในการเสนอบริการที่เหมาะกับลูกค้าแต่ละรายมากขึ้น บริษัทจะใช้คุกกี้ที่จัดเก็บข้อมูลการใช้ บริการของลูกค้าและเรียกใช้ข้อมูลดังกล่าวตามต้องการ
2. คุกกี้คือไฟล์ข้อมูลที่มีขนาดเล็กมากๆ ซึ่งจะถูกส่งผ่านไปยังเบราว์เซอร์คอมพิวเตอร์ของลูกค้า โดยเซิร์ฟเวอร์ (http) ที่ใช้งานเว็บไซต์ และอาจถูกจัดเก็บไว้บนฮาร์ดดิสก์ของพีซีลูกค้า
   1. วัตถุประสงค์การใช้คุกกี้: คุกกี้จะถูกใช้เพื่อระบุประวัติล็อกอิน รูปแบบการใช้งานที่เกี่ยวข้อง กับพอร์ทัลบริการหรือเว็บไซต์ที่ลูกค้าเยี่ยมชม คำค้นหาที่ใช้บ่อย และสถานะการเข้าสู่ระบบ ในการรักษาความปลอดภัย ฯลฯ เพื่อให้บริการแบบกำหนดเอง ข. การติดตั้ง/การใช้งานคุกกี้
   2. และการปฏิเสธการดำเนินการด้งกล่าว: ลูกค้าสามารถปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้ได้โดยการตั้งค่า ตัวเลือกเมนู (สำหรับ Internet Explorer) ให้ไปที่ด้านบนเว็บเบราว์ซอร์ และ เครื่องมือ>ตัวเลือกอินเทอร์เน็ต>ข้อมูลส่วนบุคคล
   3. การปฏิเสธการจัดเก็บคุกกี้อาจก่อให้เกิดความยุ่งยากในการใช้บริการที่ปรับแต่งตามความ ต้องการของผู้ใช้

ข้อกำหนดเพิ่มเติม

1. (วันที่มีผลบังคับใช้) นโยบายนี้มีผลบังคับใช้ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019
2. ณ วันที่ 1 มกราคม 2019 บริษัทได้แต่งตั้งผู้จัดการข้อมูลส่วนบุคคลซึ่งมุ่งมั่นที่จะช่วย ประมวลผลข้อร้องเรียนที่เกิดขึ้นระหว่างการใช้บริการของสมาชิกรวมถึงปกป้องสิทธิของ ผู้ที่เป็นเจ้าของข้อมูลตำแหน่งที่ตั้งส่วนบุคคล ดังนี้
   1. ① นายจ้าง: Oneworld TDIC
   2. ② ตำแหน่ง: หัวหน้าทีมการพัฒนา
   3. ③ ผู้รับผิดชอบ: ผู้จัดการการคุ้มครองข้อมูล (ส่วนบุคคล) (รับตำแหน่งร่วม)
   4. ④ หมายเลขโทรศัพท์: +82-2-2202-5002
   5. ⑤ อีเมล: info@oneworldtdic.com